คำพิพากษายึดทรัพย์ทักษิณ?


โดย…สลับฉาก

27 ก.พ.53

เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ผมวิเคราะห์ว่าการยึดทรัพย์ทักษิณจะออกกลาง   หมายถึงยึดบางส่วนและคำตัดสินของศาลก็ออกมาตามคาด

คำพิพากษาโดยสรุปมีดังนี้ครับ

ศาลฎีกา 26 ก.พ. – องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้ทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กว่า 46,373 ล้านบาท พร้อมดอกผลของเงินจำนวนดังกล่าว ที่ได้จากการขายหุ้นและเงินปันผล บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น ตกเป็นของแผ่นดิน จากทั้งหมดกว่า 76,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ องค์คณะผู้พิพากษาฯ ได้วินิจฉัยว่าการยึดทรัพย์กว่า 46,373 ล้านบาท ของ “พ.ต.ท.ทักษิณ” มาจากการใช้อำนาจหน้าที่ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กระทำการเอื้อประโยชน์ บมจ.ชินคอร์ปฯ และบริษัทในเครือ ทั้งไทยคมฯ และเอไอเอส ส่วนเงินกว่า 30,247 ล้านบาท เป็นทรัพย์สินที่มีอยู่เดิมก่อนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อ 7 ก.พ. 2544 มิอาจทำให้ตกเป็นของแผ่นดินได้ โดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ยังคงเป็นผู้ถือหุ้น บมจ.ชินคอร์ปฯ กว่า 1,000 ล้านหุ้น ในระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 วาระ

สำหรับกรณีการแปลงสัญญาสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตในกิจการโทร คมนาคมนั้น องค์คณะผู้พิพากษาฯ เสียงข้างมาก มีความเห็นว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ” ใช้อำนาจหน้าที่ในการตรา พ.ร.ก. 2 ฉบับ ออกประกาศ ก.คลัง และมีมติ ครม. ให้หักค่าภาษีสรรพสามิตออกจากค่าสัมปทาน เอื้อประโยชน์ต่อ บมจ.ชินคอร์ปฯ อันเป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหาย

องค์คณะผู้พิพากษาฯ เสียงข้างมาก เห็นว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ” ใช้อำนาจแก้ไขสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ แปลงค่าสัมปทานแก้สัญญามือถือ โดยลดส่วนแบ่งรายได้บัตรเติมเงินให้ ทศท. เอื้อประโยชน์ให้แก่ บมจ.ชินคอร์ปฯ ส่วนกรณีแก้ไขสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ลดอัตราส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินให้ บ.เอไอเอส โดยจ่ายให้ ทศท.ในอัตรา 20% คงที่ตลอดอายุสัญญา องค์คณะผู้พิพากษาฯ เสียงข้างมาก เห็นว่า เอื้อประโยชน์ให้ บมจ.ชินคอร์ปฯ

องค์ คณะผู้พิพากษาฯ เสียงข้างมาก เห็นว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ” มีส่วนเกี่ยวข้องและได้รับประโยชน์จากการแก้สัญญาอนุญาตกิจการโทรศัพท์ เคลื่อนที่ ส่วนกรณีการปรับลดอัตราค่าใช้เครือข่ายร่วม (ROAMING) ตกแก่กลุ่มเทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ ไม่เกี่ยวข้องกับ “พ.ต.ท.ทักษิณ”

สำหรับ กรณีอนุมัติโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ และลดสัดส่วนการถือหุ้นของ บมจ.ชินคอร์ปฯ ใน บมจ.ชินแซทเทิลไลท์ (ชื่อเดิมของ บมจ.ไทยคม) ที่เป็นผู้ขออนุมัติสร้างและส่งดาวเทียมไทยคม องค์คณะผู้พิพากษาฯ เสียงข้างมากเห็นว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ บมจ.ชินคอร์ปฯ และ บมจ.ไทยคม

ส่วน กรณีอนุมัติให้รัฐบาลพม่ากู้เงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่ง ประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เพื่อนำไปซื้อสินค้าและบริการของ บมจ.ชินแซทฯ องค์คณะผู้พิพากษาฯ เสียงข้างมากเห็นว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ บมจ.ไทยคม และ บมจ.ชินคอร์ปฯ. – สำนักข่าวไทย

สำหรับคำตัดสินว่า คตส ปปช มีอำนาจหรือชอบหรือไม่นั้น โปรดรอตอนต่อไป.

ทักษิณแถลงหลังศาลตัดสินยึดทรัพย์

การเมืองวันนี้ดุและใจดำมาก  ผมขอให้ผมเป็นเหยื่อคนสุดท้าย  เมื่อใดที่ประเทศชาติเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้ว อำนาจจะมีการถ่วงดุล  คงจะไม่มีเหยื่ออย่างผมอีก แต่วันนี้ดุลอำนาจไปอยู่กับอำมาตย์

ผมขอบคุณที่พี่น้องเสื้อแดงที่ไม่มาชุมนุม  ไม่เช่นนั้นท่านจะถูกกล่าวหาว่ามาทำเพื่อผม  ทั้งที่พี่น้องมากันเพื่อประชาธิปไตย  ขอให้วันนี้เป็นเรื่องของผมล้วนๆ  หลายคนอาจโกรธแทนผม  โกรธได้แต่อย่างใช้ความรุนแรง อย่าไปทำเหตุให้เขาปราบปราม รัฐบาลนี้ถนัดอยู่แล้ว พี่น้องต้องอดทน ต่อสู้ด้วยสันติให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยเพื่อลูกหลานของเรา  ไม่เช่นนั้นประเทศจะอยู่ในมืออำมาตย์  ไม่พอใจใครก็สามารถจัดการได้  เป็นประเทศที่ไม่สามารถทำนายอนาคตได้ แล้วประเทศจะอยู่อย่างไร

นักธุรกิจครับ  บทเรียนวันนี้บอกได้เลยว่าอย่ามาเล่นการเมือง  นักธุรกิจมีนิสัยทำงานให้สำเร็จรวดเร็ว  มันคนละวัฒนธรรม  มีอะไรเข้ามา ท่านอาจโดนยึดทรัพย์อย่างผม  ถ้าจะเข้าการเมืองจริงๆ ขายให้หมดก่อน  อำมาตย์เขาไม่รังเกียจเรื่องทุจริต  แต่อย่าป็อปปูล่าร์มาก ผมเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียว คนแรกที่ได้รับเลือกตั้งในสมัยที่สอง ปกติไม่มี  เขาไม่อยากเห็นรัฐบาลที่ป็อปปูล่าร์

พี่น้องชาวไทยทุกท่าน  กราบเรียนว่าสิ่งที่เขาประณามผมวันนี้  ผมขอยืนยันว่าทำงานตามหน้าที่ทั้งระบบ ไม่เคยคิดโกง ตั้งแต่เด็กก็ไม่เคยโกง ไม่เคยลอกข้อสอบใคร ไม่มีความจำเป็นต้องโกง ผมมีหลักทรัพย์มาก่อนเป็นนักการเมือง เคยประกาศบัญชีทรัพย์สิน ปี 2537 ผมมี 60,000 กว่าล้าน   ไม่จำเป็นต้องโลภมาก  นาฬิกาก็ใส่ทีละเรือน  กินทีละมื้อ กินก๋วยเตี๋ยวได้ทุกมื้อ  แต่หูฉลามทุกมื้อไม่ได้  คนเราจะโลภไปถึงไหน   คุณหญิงสอนลูกดี ลูกไม่ฟุ่มเฟือย  จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องดิ้นรนไปคดโกงใคร เราสบายแล้วก็ควรใช้ความรู้ความสามารถช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติที่ยังจนอยู่

ผมเป็นคนแรกที่ถูกยึดทรัพย์ส่วนตัว ทรัพย์ของครอบครัวเพื่อสังเวยการเมือง  วันนี้เป็นประวัติศาสตร์  ผู้ชนะเป็นคนเขียน  วันนี้ผมไม่ใช่ผู้ชนะ  แต่จะบันทึกประวัติศาสตร์นี้ไว้

ถ้าผมโกงหรือทำอย่างที่เขากล่าวหา  ขอให้มีอันเป็นไปในเจ็ดวันสิบวัน  หากไม่โกง  ขอฝากโคลงศรีปราชญ์

ธรณีนี่นี้เป็นพยาน      เราก็ศิษย์มีอาจารย์หนึ่งบ้าง

เราผิดท่านประหาร      เราชอบ

เราบ่ผิดท่านมล้าง      ดาบนั้นคืนสนอง

ขอขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วงและอวยพรผมมา  ขอขอบคุณในน้ำใจที่ผมจะไม่มีวันลืม  ขอโทษคุณหญิงและลูกที่ผมดันทุรังเข้าการเมือง เสียใจครับ ขอบคุณครับ